Category Archives: dietlogue

To reach healthy life, proper weight is a destination. This blog would be recorded in order to maintain diet thought possible.

จงกินเพียงครึ่งอิ่ม

เช้านี้ตื่นขึ้นมาต้องลุ้นกับน้ำหนักตัวเองมากกว่าลุ้นชื่อนายกคนใหม่เสียอีก ก็เพราะอะไรก็ไม่รู้ทำให้ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมานี้รู้สึกเจริญอาหารเหลือเกิน สงสัยจะเหลิงเสียมากกว่า เนื่องจากเห็นว่าอาทิตย์ที่แล้วน้ำหนักลงมากต่ำกว่าเก้าสิบห้ากิโลแล้ว เช้านี้ชั่งอีกก็ได้ผลไม่ต่างไปจากนั้น ขึ้นลงตาชั่งอยู่ตั้งหลายเที่ยว เข็มมันทำท่าจะแต่เลยเก้าสิบห้าเสียอย่างนั้น

ความเศร้าและหดหู่มาเยือนพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายในบัดเดี๋ยวนั้น

ช่วงคืนวันอังคารและคืนวันพุธที่ผ่านมามีเหตุการณ์น่าสนใจเกิดขึ้น หลังจากที่แปรงฟันหลังมื้อเย็นแล้ว ตั้งแต่ก่อนเข้านอนจนนอนไปได้พักหนึ่งมีอาการเหมือนจะมีกรดในกระเพาะอาหารออกมาปั่นป่วน เท่าที่สังเกตก็ไม่น่าจะใช่กรดสักเ่ท่าไหร่ หรือนี่เป็นอาการถอนของนิสัยชอบกินจุบจิบในเวลากลางคืน นับถึงวันนี้ก็ได้หนึ่งเดือนเต็มแล้วที่ละมื้อดึกได้ จะมีบ้างก็เป็นน้ำสัปปะรดนิดหน่อยหรือไม่ก็แก้วมังกรสามสี่ชิ้น

ต้องรักษานิสัยนี้ไว้ให้ได้ นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก

วันศุกร์ที่ผ่านมามีจดหมายจากอาหารลดน้ำหนักที่ผมเคยทานแจ้งมาว่ากำลังจะจัดรายการลดราคาเป็นพิเศษ แหม! ช่างเย้ายวนใจเสียนี่กระไร ราคาลงมาถูกกว่าอีกยี่ห้อหนึ่งที่ต้องทานเป็นเดือนถึงจะลดเท่ายี่ห้อนี้ที่ใช้เวลาเพียงอาทิตย์เดียว นั่งมองไป อยากกันเงินไปถอยไอพ็อดนาโนอยู่เหมือนกัน อีกใจก็อยากหาตัวช่วยในการลดน้ำหนักโดยเร็ว คิดไม่ตก ต้องพักไว้ก่อน คิดมากเดี๋ยวเครียดแล้วต้องหาของกินอีก

ที่แน่ๆ มีคำคมของคนจีนอยู่ว่า “จงกินเพียงครึ่งอิ่ม” หมายความว่าอย่ากินให้พุงกาง เพราะนอกจากจะทำให้อ้วนแล้ว มันเสียเวลาหลังมื้ออาหารนั้น ไม่มีสมาธิทำอะไร เพราะกระเพาะกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อย่อยอาหารนั้น สมควรนำมาปฏิบัติให้เกิดมรรคเกิดผล หลังจากที่สามารถละมื้อดึกได้แล้ว

ต้องมุ่งมั่นทำให้ได้

นับต่อไป

เช้านี้ยากลำบากมากที่จะพาตัวเองออกจากที่นอน อากาศเช้านี้ช่างเย้ายวนใจให้นอนต่อได้อีกนาน แต่ด้วยกิจวัตรที่สำคัญกว่านอน จึงต้องรีบปฏิบัติ

เสร็จเรียบร้อยก็พร้อมจะขึ้นเขียง เอ้ย…ขึ้นตาชั่งประจำสัปดาห์ ผลออกมาก็คือเข็มชี้ไม่ถึงเก้าสิบห้ากิโลแล้ว ล่าสุดก็สามารถรัดเข็มขัดได้กระชับขึ้น นี่เป็นตัวชี้วัดแบบง่ายตัวหนึ่งที่ใช้อยู่

หลังจากเริ่มนับหนึ่งใหม่ ก็เดินหน้าน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ก่อนอาหารเป็นอันดับแรก หลักๆ ก็จะได้มื้อเช้าและกลางวัน เพราะพยายามเบาอาหารมื้อเย็นให้มากที่สุดไปด้วยในตัว แต่บางวันก็เอาไม่อยู่ สองวันล่าสุดนี้รับเป็นสลัดเลย

คืนวันอังคารหลังจากอ่านหนังสือเสร็จ จึงเปิดโทรทัศน์ดูก็เป็นอันต้องเกาะติดสถาณการณ์ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เน็ตไปพร้อมๆ กันเลยทีเดียว กว่าจะได้นอนก็ตีสองครึ่ง ท้องที่ร้องเพลงมาร์ชรับอยู่นั้นก็ดลใจเหมือนกันให้สนองภาษิตที่ว่า “กองทัพเดินด้วยท้อง” แต่นี่ไม่ได้เดินไปไหนสักหน่อย

ในที่สุดก็เข้านอนได้โดยไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อ เอ้ย…ไม่ต้องเติมอะไรใส่กระเพาะอาหาร ทำได้ดีพอควร รู้สึกได้เลยว่าสัปดาห์นี้ ความจุของกระเพาะอาหารลดลง

แต่จุบจิบระหว่างมื้อกลางวันกับมื้อเย็นยังมีอยู่ ค่อยๆ สังเกตและปรับปรุงไปเรื่อยๆ ก็แล้วกัน เดินหน้าเต็มตัว

นับหนึ่งกันใหม่

อยากถอนหายใจให้น้ำหนักมันลดเยอะสักครั้ง เช้านี้ชั่งน้ำหนักตามปกติ ได้ความว่าทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าไขมันเกิดได้ใจ แถมยังหัวเราะเยาะร่วนอยู่ตรงนั้นไม่ยอมไปไหน เข็มตาชั่งยังชี้ที่เดิม แถมทำท่าจะไต่ขึ้นสูงไปอีกด้วย

สัปดาห์์ที่ผ่านมาทำท่าจะดี แต่เริ่มต้นเข้าจริงก็เล่นเอาต้องหยอดน้ำข้าวต้มเสียหลายมื้อ ยาฆ่าเชื้อท้องเสียหมดไปหนึ่งชุด แปดเม็ด ทานเสียสี่มื้อถึงเริ่มฟื้นตัว พอเพื่อนตั้มโทรมาคุยด้วยตอนบ่ายวันอังคาร แรงก็กลับมา

จากอาการท้องไส้วิปโยคครั้งนี้ จึงตัดสินใจเว้นวรรคน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลและวิตามิน อาหารเสริมต่างๆ ไว้ก่อน เพราะเกรงว่าจะพาให้สำใส้อยากเต้นรำจังหวะเร้าร้อนขึ้นมาอีก เดี๋ยวต้องนอนร้อนรุ่มให้เสียรูปมวยภายในเวลากระชั้นชิด ไม่ต้องเป็นอันทำอะไรกันพอดี

การณ์ครั้งนี้น่าสนใจตรงที่ ร่างกายพยายามต่อสู้กับผู้บุกรุกด้วยการปรับอุณหภูมิภายในให้สูงขึ้นกว่าปกติมากหน่อย เข้าใจไปเองว่าเพื่อให้ทหารรักษาร่างกายมีกำลังวังชาดีและตัดกำลังคู่ต่อสู้ไปพร้อมๆ กัน ไม่ได้นอนห่มผ้าเพราะไข้อย่างนี้มานานแล้ว

สัปดาห์นี้ เริ่มจากวันนี้คงเข้าสู่สภาวะปกติ นับหนึ่งกันใหม่ เป้าหมายระยะสั้นเพื่อให้สบายตัวเมื่อเข้าสอบไล่ประจำภาค 1/2549 ที่ใกล้เข้ามาทุกที…

ยังกดไม่ลง

เช้านี้ชั่งน้ำหนักประจำสัปดาห์หลังจากเสร็จกิจยามเช้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผลที่ได้ก็คือลงไปไม่ถึงครึ่งกิโล ยังกดลงไปไม่ถึงเก้าสิบห้ากิโลถ้วนๆ ได้

สงสัยจะเป็นผลต่อเนื่องมาจากบุฟเฟต์อาหารกลางวันเมื่อวานนี้ แม้จะไม่ได้มีมากมายหลายหลากนัก แต่จิตใต้สำนึกที่กำหนดให้กินให้คุ้มก่อนจะคิดเรื่องอื่น ก็ทำให้ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ทำสิ่งที่ได้มรรคได้ผลมากขึ้นตั้งแต่ดื่มน้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนชาต่อน้ำหนึ่งแก้วก่อนอาหาร จนถึงลดปริมาณอาหารมื้อเย็นลงไปอีกหน่อย แม้ว่าอาการหิวตอนกลางคืนจะยังมีอยู่ การแปรงฟันไม่ได้ผลต่อระดับเคมีในสมอง แต่ก็เป็นการกำหนดเงื่อนเวลาให้ตัวเองได้ดี ไม่เป็นไรเท่าไหร่ คิดว่าอีกไม่นานก็คงชิน และร่างกายต้องปรับตัวให้อยู่ได้ในสภาวะแบบนี้

ท้องว่างๆ ก็ช่วยให้อ่านหนังสือได้ดีขึ้นนิดหน่อย ไม่นับรวมอาการความคิดฟุ้งซ่านที่เกิดขึ้น นั่นต้องแก้ไขด้วยการทำสมาธิให้เข้มแข็งขึ้น บางครั้งฟุ้งซ่านไปถึงว่า จะลดน้ำหนักได้กี่กิโล ก่อนที่จะเข้าสอบไล่ภาค 1/2549 เพราะต้องไปผจญกับปรากฏการณ์ เก้าอี้หด!!! อีกหรือเปล่าก็ไม่อาจแน่ใจได้

…สู้ต่อไปก็แล้วกัน

เกือบตบะแตก

ผมพยายามเปลี่ยนนิสัยการกินจุบจิบ (ที่ส่วนใหญ่เป็นข้าว!!!) ตอนกลางคืนอีกครั้งด้วยการแปลงฟันเสียตั้งแต่สองทุ่ม จะได้เป็นสัญญาณบอกสมองส่วนไหนก็ไม่รู้ว่า หลังจากนั้นกินได้แต่น้ำเปล่าเท่านั้นน่ะ ทำแบบนี้มาได้อาทิตย์กว่าๆ แล้ว ที่เริ่มก็เพราะอยู่มาวันหนึ่งคงสวาปามอะไรไม่มีประมาณ ทำให้รู้สึกปั่นป่วนภายในยิ่งนัก

เมื่อวานเช้าชั่งน้ำหนักประจำสัปดาห์ดูก็ลดลงมาครึ่งกิโล เหลืออยู่เก้าสิบห้ากิโลครึ่ง ว่าแต่ก่อนนี้มันก็ขึ้นไปเยอะเหมือนกันนะ สังเกตได้จากกางเกงขาสั้นที่ใส่ประจำเริ่มรัดเข็มขัดแล้วรู้สึกแน่นกว่าเ้ดิมอยู่

แต่การลดลงครึ่งกิโล ก็คาดว่ามาจากการหยุดกินจุบจิบหลังสองทุ่มนี้กระมัง น่าจะเป็นสัญญาณที่ดี และสมควรเป็นกำลังใจให้มุ่งหน้าทางนี้ต่อไป

ว่าแต่เมื่อคืนก็เกือบตบะแตกเหมือนกัน หลังจากที่ตอนกลางวันเล่นกับหลานตัวน้อยอยู่นาน เพราะไม่ได้เจอกันหลายอาทิตย์แล้ว นับวันยิ่งซนมากขึ้นในแบบของเด็กวัยขวบกับอีกเกือบจะเก้าเดือน ก็ไม่รู้สึกว่าเหน็ดเหนื่อยเพราะสนุกที่ได้อยู่กับเขา

ตกดึกลง พอเข้านอนไปได้นานอยู่พอควร ก็เกิดรู้สึกตัวขึ้นมา หูก็ได้ยินเสียงวิทยุ ความว่ากำลังจัดรายการรวมเพลงของทูล ทองใจ แต่ท้องกลับรู้สึกหิว ไม่ถึงกับหิวโหย สมองที่ยังไม่ตื่นตัวนัก คิดเพลินไปว่าลุกขึ้นไปหาอะไรใส่ท้องหน่อยดีไหม ความคิดสองฝ่ายต่อสู้กันอยู่พักหนึ่งก็พ่ายต่อความง่วง ร่ายกายจึงเลือกที่จะนอนต่อดีกว่า

เช้าตื่นขึ้นมากับท้องที่ว่างเปล่า ต้องประทังด้วยขนมปังโฮลวีตหนึ่งแผ่นทาด้วยแยมลิ้นจี่ของดอยคำ แต่ใจก็พองโตด้วยว่าเมื่อคืนไม่ได้ลุกขึ้นมาหาอะไรใส่ท้อง เพราะนิสัยไม่ดีแบบนั้นต้องใช้เวลาในการเลิกอยู่นานเหมือนกัน

คราวนี้ต้องทำให้สำเร็จ