อากาศเริ่มเย็นใช้ได้แล้ว ก่อนสว่างต้องฉวยเอาผ้าห่มมาคลุมกายให้ได้อารมณ์เสียหน่อย ถึงกับไม่ค่อยอยากลุกขึ้นมาออกกำลังเลยทีเดียว
หลังจากตั้งใจบริหารอารมณ์เพื่อรับมือกับความหดหู่ เมื่อวานก็มีการตอบแทนมาจริงๆ อาการเป็นอย่างไร
ทันทีที่ได้รับการตอบแทน อารมณ์โดดจากปกติธรรมดาไปเป็นอารมณ์ดีสุดๆ อีกครั้ง ลิงโลดเลยไหม อืม…ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง การตอบแทนครั้งนี้ทำให้เข้าใจความจริงอีกครั้งว่าที่คิดไปเองจนหดหู่นั้นทำร้ายตัวเองโดยแท้ หลังจากนั้นแทนที่อารมณ์จะกลับมาอยู่ในระดับปกติไม่ดีไม่เสีย กลับกลายเป็นพุ่งดิ่งลงไปติดลบอีก
ราวกับการเคลื่อนตัวของรูปคลื่น เพื่อให้เต็มวงรอบจะเคลื่อนจากครึ่งที่เป็นบวกที่สุดลงมาเป็นครึ่งที่เป็นลบที่สุด ก่อนที่จะกลับไปยังจุดปกติ แปลกใจว่ายิ่งขึ้นไปเป็นบวกมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งดิ่งลงไปเป็นลบมากเท่านั้นหรือเปล่า และยิ่งบวกเร็ว ก็ยิ่งลบเร็วอีกด้วยหรือเปล่า
มันเป็นไปตามธรรมชาติของจิตที่ถูกบ่มเพาะมาอย่างนี้นานแล้ว ที่อารมณ์ดีดกลับไปอยู่ในแดนลบก็เพราะรู้สึกไปเองอีกเช่นกันว่าถูกหลอกหรือเปล่า ไม่จริงใจหรือเปล่า เพราะฝังใจมาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่าชีวิตนี้มีแต่คนอื่นหลอกให้ทำอะไรให้ พอเขาได้ดังใจแล้วก็จากไป จริงแล้วที่คิดอย่างนั้นเพราะมีกรอบความคิดอีกกรอบหนึ่งที่ว่า “หากเราทำอะไรให้เขา เขาก็จะตอบแทนเอาอย่างนั้น” ครอบอยุ่ที่ชั้นหนึ่ง พอทำอะไรให้แล้วไม่ได้ผลตอบแทนจึงรู้สึกไม่พอใจ
จิตใจที่ยิ่งใหญ่ต้องฝึกทำเพื่อให้มากกว่าทำเพื่อรับ ต้องฝึกให้เป็นปกติธรรมชาติให้ได้ จิตใจจึงจะยิ่งใหญ่จริง
เมื่อเห็นวงจรของอารมณ์ที่บวกที่สุดจนถึงลบที่สุดแล้ว ก็ใช่ว่าจะสามารถรับมือได้อีกในอนาคต ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเกิดความรู้สึกอะไรขึ้นมาอีก ตอนนี้อาจจะยังคงความรู้สึกด้านลบอยู่บ้าง นั่นเป็นเพราะกลไกป้องกันตัวเองที่พยายามไม่ปล่อยใจให้บวกมากนัก เพื่อไม่ให้ตกลงมาติดลบอีก อารมณ์ที่แกว่งไปแกว่งมาอย่างนั้น หาความสุขที่แท้จริงไม่ได้เลย
แต่การกดอารมณ์ให้อยู่แต่ด้านลบไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เสียใจกับความทุกข์ที่อาจจะตามมาก็ใช่ว่าเป็นวิธีที่ถูกต้อง
การดำรงใจให้อยู่ตรงกลาง ให้เต็มไปด้วยควาเมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขานั้นเล่าที่เป็นความสุขที่แท้จริง