ออกเจเรียบร้อยแล้วตั้งแต่มื้อเที่ยงวานนี้ รู้สึกว่ากระเพาะเล็กลงไปนิดหน่อย ไม่เกี่ยวกับเทศกาลกินเจ แต่น่าจะเกี่ยวกับการอดล้างพิษมากกว่า
สัปดาห์นี้เลือกอดล้างพิษในวันอังคาร แม้จะมีงานให้ทำแต่การอดก็ไม่เป็นอุปสรรคเลยแม้แต่น้อย เพียงได้นอนตอนกลางวันเสียหน่อย ตื่นขึ้นมาก็สามารถทำงานต่อไปได้จนเสร็จ ดีไม่ดีทำงานได้ดีกว่าปกติเสียอีก ที่สำคัญเช้าวันอังคารนั้นเดินออกกำลังกายแบบปกติด้วยไม่ได้กั๊กเหมือนคราวก่อนเสียด้วย
แน่นอนว่าคืนนั้นจะนอนไม่หลับ และการอดล้างพิษครั้งนี้เปลี่ยนจากมะละกอมาเป็นแอ็ปเปิ้ลเขียว รู้สึกว่าหิวเร็วและแรงกว่า จึงต้องพึ่งโทรทัศน์ไปพลางสังเกตตัวเองไปพลางว่าง่วงหรือยัง เที่ยงคืนอีกจนได้ถึงจะได้ทิ้งตัวลงบนที่นอน
วันรุ่งขึ้นถ้าได้สวนลำไส้ด้วยกาแฟคงจะวิเศษ เป็นการปิดฉากการล้างพิษได้ดีมาก ต้องทำให้ได้
เช้านี้ ผลการชั่งน้ำหนักกลับมาอยู่ที่เก้าสิบกิโลอีกครั้ง การเดินขึ้นตาชั่งต้องทำให้เบาเป็นพิเศษ ทั้งสามครั้งได้ผลไม่เกินเก้าสิบกิโลครึ่งจึงถือว่าใช่ได้ กลัวแต่เพียงว่าหากสัปดาห์ใดไม่ได้อดล้างพิษ น้ำหนักจะดีดตัวขึ้นไปอีก คงต้องครองสติเพื่อติดตามพฤติกรรมการกินไม่ให้เลยเถิดไปอีก
ทั้งสัปดาห์ขาดเพียงวันพุธที่ไม่ได้เดิน ส่วนวันศุกร์ก็เดินน้อยหน่อยเพราะต้องรีบออกไปทำธุระข้างนอก นอกนั้นพยายามเดินให้เลยเป้าเอาไว้ก่อน ส่วนวานนี้ก็แข็งใจเดินจนถึงสิบกิโลครึ่ง ส่วนเช้านี้วิเศษที่สุด นอกจากจะนอนดี ตื่นดี ได้ออกไปใส่บาตรตามปกติแล้ว อากาศเย็นเป็นใจอย่างมาก ทำให้ออกเดินได้สบายตัว ทำความเร็วได้ไม่เลว อาการปวดที่สะบักกลับมาเยือนในราวกิโลเมตรที่จ็ดที่แปด ก็พยายามอดทนจนสำเร็จ อากาศดีอย่างนี้ต้องเดินเก็บระยะทางไว้ให้เต็มที่
รู้สึกดีมากขึ้นเมื่อสามารถสวมใส่กางเกงขายาวได้อีกครั้ง เริ่มฝันไกลไปว่า สิ้นปีหน้าต้องทำน้ำหนักตัวให้อยู่ที่แปดสิบกิโลให้ได้ ส่วนภายในปีนี้รักษาเป้าหมายที่เก้าสิบกิโลไว้ให้ได้ เพราะกว่าจะได้มานั้นต้องทุ่มเทเป็นอย่างมาก ว่าแต่ยังไม่มีแผนการเสริมสร้างกล้ามเนื้อเพราะยังไม่มีรูปแบบที่เหมาะสม เอาเป็นว่าวันธรรมดาก็ใช้การลุกนั่งก่อนและหลังเดินสองชุด ชุดละสิบครั้งแบบในสัปดาห์นี้ไปเรื่อยๆ ก่อน
ส่วนการเพิ่มเป้าหมายในการเดิน ขณะนี้เป็นเรื่องลำบาก เพราะไม่สามารถทำความเร็วได้กว่านี้อีก ทำให้ต้องใช้เวลาในการเดินมากขึ้นแทน ยิ่งน้ำหนักตัวลดลง ก็ยิ่งเผาผลาญพลังงานช้าลง ต้องคงรูปแบบนี้ไว้สักระยะเพื่อประเมินผลอีกครั้งก่อนพัฒนาไป