ผู้ใหญ่ทักว่าจะต้องเหนื่อย

วานนี้ออกเดินทางแต่เช้าตรู่ไปทำบุญ ณ โรงเจ ที่บ้างบึง ชลบุรี ตามกำหนดกิเจวันที่สาม ข้าวของเตรียมไว้ใส่รถตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เหลือแต่ลมยางและน้ำมันรถที่ต้องตรวจเช็คให้พร้อม จึงเลี้ยวรถเข้าปั้มน้ำมันที่ไกล้บ้านที่สุดเพื่อความพร้อม

ก่อนออกจากกรุงเทพ แวะไปรับป้าหองและเพื่อนที่บ้านย่าน ม.เกษตรก่อน อากาศดีตลอดการเดินทาง คนเต็มรถ จึงตั้งใจว่าจะค่อยๆ ขับไป แต่ก็ราบรื่นแถมสามารถทำความเร็วได้เต็มที่อีกด้วย ถึงที่หมายโดยไม่มีผลข้างเคียงเป็นความเหนื่อยล้าจากการขับรถเลย

มาโรงเจตั้งแต่เช้า ยังราวๆ เก้าโมง มีที่จอดด้านหน้าอีกด้วย สะดวกไปหมด อารมณ์ดีเป็นผลตามมา เพราะจำได้ว่าปีก่อนอารมณ์ไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่ ยิ่งมาเจอควันธูปคลุ้งเต็มโรงเจ ก็ทำให้ควบอารมณ์ให้เย็นลงได้ยากขึ้น เพราะรู้สึกไม่สบายกายไม่สบายใจไปหมด ปีนี้ทุกอย่างดีมาก ยิ่งได้โตและนก น้องที่อยู่ที่นี่อยู่แล้วมาช่วยอีกแรงยิ่งสบายเข้าไปอีก

เตรียมของไหว้ครบทุกแห่งแล้ว ไม่นานก็ไหว้เสร็จ ต่อไปคือซื้อภูเขาทองส่งไปให้อากุง อาผ่อ พ่อและอากู๋ที่ไปรอพวกเราอยู่บยสวรรค์ก่อนหน้าแล้ว บรรจุเสื้อผ้าและเงินทองที่เตรียมเสร็จ ที่เหลือเจ้าหน้าที่ทำต่อให้

เสร็จสรรพแล้วทุกคนก็เดินไปบ้านอาโกเกียวที่อยู่ใกล้ กินเจทุกปีแกจะช่วยเหลือโรงเจมาก แถมยังเลี้ยงข้าวญาติพี่น้องเพื่อนสนิทอย่างเต็มที่ ลาภปากไม่เคยหมด

หมดข้าวต้มเจไปหนึ่งชาม ผู้ใหญ่ก็นั่งคุยกันโขมงโฉงเฉง เด็กๆ ก็ยังฟังไม่รู้เรื่องอยู่ข้างๆ เพราะเขาคุยกันเป็นภาษาจีน คุยไปคุยมาอาโกเกียวก็เริ่มดูโหงวเฮ้งเพื่อนๆ ให้ แม่จึงชี้มาให้ดูโหงวเฮ้งหลานชายอย่างเราเสียหน่อย

ไวเท่าความคิดแกพูดออกมาคำเดียวว่า “เหนื่อย” และปลอบใจให้นิดหน่อยว่า “แต่พอกินพอใช้” อืมรับได้เต็มๆ ไม่ชอบอยู่แล้วจะให้ใครมาบอกด้วยคำหวานว่าจะรวยนะ จะได้เป็นโน่นเป็นนี่นะ อาโกเกียวทักมาอย่างนี้รู้สึกสบายใจมากกว่า

เพราะเมื่อครั้งเสร็จจากการอบรมเข้มประสบการณ์วิชาชีพไทยคดีศึกษา หลวงพี่บัญชาได้ดูลายเซ็นต์ให้ก็บอกไว้เหมือนกันว่าเป็นคนที่ต้องทำอะไรเองทั้งหมดคนเดียว แน่นอนว่าเป็นการบอกว่าต้องเหนื่อยแน่ๆ อยู่ในที

เอาขอยึดคำสอนของท่านปัญญานันทะภิกขุที่เพิ่งล่วงลับไปเป็นหลักคิดก็แล้วกัน ท่านว่า

งานคือชีวิต ชีวิตคืองาน บันดาลสุข

ท่านสั่งสอนถูกต้องแล้ว เพราะมีรัฐบาลประเทศด้อยพัฒนาประเทศหนึ่งเคยคิดจะสร้างชาติด้วยการสร้างคำขวัญว่า “งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข” ห้าสิบปีผ่านไป ก็ไม่เห็นประเทศนั้นเจริฐก้าวหน้าอะไร แต่กลับกลายเป็นสังคมบริโภคนิยม วัตถุนิยมไปเรียบร้อยแล้ว

เหนื่อยกับงานที่เรารัก คงจะเป็นคำตอบสำหรับการมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันเป็นแน่แท้