ตั้งแต่เช้าวันเสาร์ที่ 22 ตุลาผมได้อ่านบทความของกาแฟดำ ก็ได้รู้สึกถูกใจอย่างยิ่งจึงเขียนอีเมล์ถึงผู้เขียนบทความนั้นโดยไม่รอช้า
กาแฟดำ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม 2548
วิกฤติภาษาไทย ในหมู่ผู้นำประเทศ
วันนี้วันเสาร์ ผมไม่ชักชวนให้ท่านผู้อ่านพูดเรื่องเบาๆ แต่จะเขียนเรื่องหนัก ๆ ที่มีความสำคัญต่อประเทศชาติอย่างยิ่ง
ผมขอเรียกร้องให้คนไทยทั้งหลาย ช่วยกันปกปักรักษาภาษาไทยของเราที่กำลังถูกทำลาย เพราะคนมีตำแหน่งแห่งหนในบ้านเมืองไม่ยอมหัดพูดภาษาไทยให้ถูกต้อง
ผมสงสัยมาเป็นเวลานานพอสมควรแล้วว่า คุณครูสอนภาษาไทย และสมาคมว่าด้วยการปกปักรักษาภาษาไทยของเราหายไปไหนหมด ทำไมจึงไม่ออกมาแสดงความคิดเห็น หรือเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาอันสำคัญยิ่งของประเทศชาติประเด็นนี้
ปัญหานี้คือผู้นำทางการเมืองของประเทศ ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีไล่เรียงไปถึงรัฐมนตรี, ผู้ช่วยรัฐมนตรีทั้งหลายทั้งปวงต่างก็พูดภาษาไทยผิดๆ ถูกๆ กันเต็มจอทีวีและบนหน้าปัดวิทยุกันอย่างน่าเป็นห่วงเป็นใยยิ่ง
นี่ยังไม่พูดถึงนิสัยประจำชาติอย่างใหม่ที่ท่านผู้ใหญ่พูดภาษาไทยคำภาษาฝรั่ งคำ เวลาตอบคำถามนักข่าวหรือไปให้คำปราศรัยที่ไหนที่มีแต่คนไทยเจ้าของประเทศและ เจ้าของภาษาเป็นผู้ฟัง
ผมแปลกใจจริงๆ ว่า ทำไมกระทรวงศึกษาซึ่งมีครูบาอาจารย์ด้านภาษามากมาย และมีหน้าที่จะต้องรักษามาตรฐานแห่งภาษาประจำชาติของเรา จึงไม่เคยออกมาแสดงความเห็น เรียกร้องให้ท่านผู้หลักผู้ใหญ่ไปหัดพูดภาษาไทยให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้เป็นตั วอย่างที่ไม่ดีของเยาวชนไทยรุ่นใหม่
ทุกวันนี้ เยาวชนไทยเราก็มีปัญหามากพออยู่แล้วกับการพูดจาไม่เต็มปากเต็มคำ การออกเสียงแต่ละคำแต่ละประโยคก็เหมือนอมอะไรไว้ในปาก เป็นการเลียนวิธีการพูดจาจากพระเอกนางเอกหรือแม้แต่ผู้ร้ายและนางร้ายในละคร น้ำเน่าทางโทรทัศน์
วิธีการพูดภาษาไทยอ้ำๆ อึ้งๆ ห้วนๆ เพื่อให้ฟังดูทันสมัยหรือส่งเสียงแหลมกรี๊ดกร๊าดเมื่อมีอารมณ์ยินดีปลาบปลื้ มหรือขุ่นข้องหมองใจนั้น เป็นวัฒนธรรมใหม่ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะเป็นวิธีการแสดงออกที่แสดงแต่เพียงจริตจะก้าน แต่ไม่เอื้อต่อการสื่อสารให้เกิดความเข้าใจกันมากขึ้นเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งถ้าเยาวชนไทยเราได้ยินได้ฟังผู้หลักผู้ใหญ่ทางการเมืองพูดจาเสียง “ร” หรือ “ล” ไม่ชัด, หรือทิ้งเสียงกล้ำเสียงควบไปเลย อีกทั้งยังใช้คำภาษาอังกฤษถูกๆ ผิดๆ มาแทนคำภาษาไทยที่มีอยู่มากมายและสื่อความหมายได้ถูกต้องแม่นยำกว่า ผลร้ายต่อวิธีการสื่อสารด้วยภาษาไทยของคนในประเทศจะรุนแรงหนักหน่วงขึ้น กลายเป็นวิกฤติของภาษาระดับชาติอย่างน่าเป็นห่วงกังวลยิ่ง
ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่พูดอย่างนี้
“เลากำลังปับปุงเปี่ยนแปงกฎละเบียบ เพาะที่ผ่านมาทางการยังไม่เค่งคัดเพียงพอ ทำให้น่ากัวว่าเยาวชนจะได้ตัวอย่างที่ผิด ๆ…”
ต้องส่งเข้าห้องเรียนฝึกพูดภาษาไทยให้ชัดเสียใหม่
ผมมีความเห็นอย่างแรงกล้าว่า นายกฯ และรัฐมนตรีทุกคนที่ต้องใช้ภาษาไทยพูดผ่านสื่อกับประชาชนและยังอ่านประโยค “ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง” ไม่ได้ต้องให้สอบ “ใบประกาศ” ของกรมประชาสัมพันธ์เสียก่อน
หากสอบไม่ผ่าน, ห้ามท่านทั้งหลายพูดกับประชาชน
หาไม่แล้ว สถานีโทรทัศน์ทุกแห่งจะต้องวิ่งตัวหนังสือข้างล่างระหว่างที่ท่านผู้ใหญ่เหล่านี้ให้สัมภาษณ์ด้วยข้อความนี้
“คำเตือน…วิธีออกเสียงของภาษาไทยที่ท่านได้ยินอยู่นี้อาจจะไม่ได้มาตรฐาน ขอให้สอบถามกับหน่วยงานภาษาไทยเพื่อความถูกต้องอีกครั้ง….”
แม้แต่ (โดยเฉพาะ) นายกฯ ก็เว้นไม่ได้เพราะท่านสื่อกับประชาชนบ่อยกว่าใครๆ
ที่มา กาแฟดำ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
และข้อความที่ผมเขียนถึงเจ้าของบทความในเช้านั้นมีดังนี้
สวัสดีครับคุณอาสุทธิชัย
ผมเคยรู้สึกคันสมองต้องการเขียนอีเมล์ถึงคุณอาเรื่องการอ่านภาษาไทยของผู้ประกาศของเนชั่นแชลแนลอยู่เหมือนกัน เพราะยังมีผู้ประกาศชายสองคนที่ยังอ่านและพูดคำควบกล้ำ ร เรือ ล ลิง ได้ไม่ชัดเจนเป็นธรรมชาติเท่าที่ควร ทั้งที่เห็นความพยายามจะปรับปรุง แต่ยังไม่สำเร็จในที่สุด
ยิ่งได้อ่านบท “กาแฟดำ” เช้านี้ยิ่งประทับใจในการแสดงความห่วงใยในการใช้ภาษาไทยของคนในชาตินี้เป็นอย่างยิ่ง เนื่องด้วยผมเองนั้นรู้สึกเป็นห่วงเรื่องนี้มานามมากแล้ว และสื่อโทรทัศน์เองก็เป็นหัวหอกในการสร้างความวิบัติให้ภาษาไทยได้มากขึ้นทุกวัน ตามด้วยสื่อวิทยุ โดยที่ไม่มีใครสนใจเรื่องที่อย่างเห็นได้ชัด แม้พรรคชาติไทยจะเคยแสดงความเห็นเรื่องนี้บ้าง แต่ก็ยังไม่เห็นความคืบหน้าอะไร ด้านคุณดำรง พุฒตาลที่มีมูลนิธิภาษาไทย ก็ไม่เห็นกิจกรรมที่เข้มแข็งพอ
อยากเสนอให้ทางเนชั่นแชลแนลเปิดเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ และบรรจุเรื่องนี้เข้าเป็นโครงการพัฒนาการใช้ภาษาไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของรายการ รายงานพิเศษ หรือการรณรงค์ เพราะลำพังการเคี่ยวเข็ญให้ผู้ประกาศเป็นแบบอย่างนั้น เห็นจะไม่เพียงพอเสียแล้วในปัจจุบันนี้ เพราะยังมีสื่ออื่นๆ อีกมากที่มุ่งนำเสนอด้านวิบัติของภาษาไทยอย่างเอาเป็นเอาตาย เหมือนจะภูมิใจอยู่ลึกๆ ว่าได้แสดงอะไรที่เหมือนจะทันสมัยออกไป แต่ไม่เคยสำนึกว่าตัวกำลังทำลายภาษาไทยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
หวังว่าบท “กาแฟดำ” เช้านี้คงไม่เป็นเพียงแค่การค่อนขอดคนบางคนที่ใช้สื่อมวลชนเป็นประจำ โดยไม่เคยฟังความคิดเห็นของใคร ภาษาไทยต้องการช่องทางมากกว่าที่เป็นอยู่นี้เพื่อสื่อให้เป็นความเจริญของภาษา และเนชั่นแชลแนลก็เป็นช่องทางที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาการใช้ภาษาไทยของคนสมัยนี้ที่ชอบดูโทรทัศน์มากกว่าอ่านหนังสือได้อย่างดีที่สุด
ขอบคุณที่คุณสุทธิชัยเริ่มเรื่องนี้ขึ้นมาครับ