เริ่มต้นปี ๒๕๕๑ ด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้าว่าปีนี้จะต้องลดน้ำหนักให้ได้มากขึ้นกว่าเดิม ตั้งเป้าหมายเอาไว้อย่างดีว่าถึงสิ้นปีจะต้องลดให้เหลือแปดสิบกิโลถ้วนๆ ให้ได้
เอาเข้าจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น ปีที่ผ่านไปนี้ต้องเผชิญกับเรื่องราวต่างๆ มากมาย พยายามปรับแผนอย่างไรก็ไม่สามารถลดน้ำหนักลงไปให้ได้ตามเป้าหมาย
มาดูเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างปีกันก่อน
แม้ว่าช่วงสี่เดือนแรกจะสามารถทำระยะทางได้เต็มที่ถึงกับเกินสองร้อยกิโลเมตรทุกเดือน แต่ก็มีปัญหาเรื้อรังเกี่ยวกับตัวเซนเซอร์ที่อยู่ในรองเท้าอยู่เนือง ลักษณะของปัญหาคือความเร็วที่อ่านได้เป็น –.– ทำให้วิ่งเท่าเดิมแต่กลับไม่ได้ระยะทางเหมือนเดิม พยายามสังเกตว่าสาเหตุของปัญหาอยู่ที่ไหนมาตลอด จะกระทั่งปลายเดือนเมษายนจึงตัดสินใจซื้อชุดเซนเซอร์ชุดใหม่มาลองใช้งานดู ผลก็คือยังคงแปลกๆ อยู่เหมือนเดิม
พอมาถึงเดือมิถุนายนก็ได้เพื่อนเก่าอย่างเกาต์กลับมาทักทาย ทำให้ต้องหยุดวิ่งไปหลายวัน ยิ่งเดือนกรกฎาคมยิ่งวิ่งได้น้อยลงไปอีก แต่ก็ยังมีอะไรดีๆ เปลี่ยนเข้ามา
มีเพื่อนสมาชิกที่เว็บสยามพ็อดมาแนะนำอุปกรณ์สำหรับหนีบตัวเซนเซอร์ไว้กับเชือกผูกรองเท้า สำหรับผู้ที่ใช้รองเท้าที่ไม่มีหลุมเฉพาะในการวางตัวเซนเซอร์ พิจารณาอยู่หลายวันก็ตัดสินใจต้องลองซื้อมาใช้งานดู เพราะหลังจากที่ได้สังเกตที่มาของปัญหาวิ่งไม่ได้ระยะทาง ก็ยังเหลือเพียงรองเท้าเท่านั้นที่ยังไม่ได้ลองเปลี่ยนดู จะให้ลองก็คงไม่ไหวเพราะราคาไม่ใช่น้อย อุปกรณ์เสริมนี้น่าจะช่วยได้อีกแรง
ทันทีที่ได้ทดลองใช้งานดูก็พบว่าความเร็วในการวิ่งสามารถอ่านได้สม่ำเสมอและต่อเนื่องอย่างที่ควรเป็น เป็นไปได้ว่าสภาพของรองเท้าที่ใช้งานมานานคงมีผลต่อการอ่านสัญญาณของตัวเซนเซอร์ที่อยู่ในนั้น จึงตัดสินใจเปลี่ยนเอาเซนเซอร์ตัวแรกที่ยังคงสมบูรณ์อยู่กลับมาใช้งานต่อไปอีก
มีจุดสังเกตได้อีกอย่างหนึ่งว่าความเร็วก่อนนี้ที่บันทึกได้ขณะที่เซนเซอร์ยังอยู่รองเท้าช่วงแรกน่าจะเร็วกว่าปกติธรรมดา เพราะตอนนั้นสามารถทำระยะทางสิบกิโลได้ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง แต่เมื่อเปลี่ยนเอาเซนเซอร์ออกมาอยู่ที่เชือกผูกรองเท้า ต้องใช้เวลาถึงแปดสิบนาทีเพื่อวิ่งให้ได้สิบกิโล
ปลายเดือนสิงหาคมมีงานใหญ่ของมนุษยชาติคือการวิ่งสิบกิโลเมตรร่วมกันทั่วโลก ทำให้ต้องมีการวางแผนการวิ่งเพื่อให้สามารถวิ่งได้จนจบในวันจริง เพราะตั้งแต่มีอาการเกาต์กำเริบ นอกจากจะไม่ค่อยได้วิ่งแล้ว การวิ่งแต่ละครั้งก็ไม่ได้ทำระยะทางได้มากนัก พอสามารถวิ่งได้จนครบสิบกิโลก็ได้กำลังใจกลับมาไม่น้อยเลย
ระหว่างนี้ก็ยังมีอาการเกาต์กำเริบอยู่เนืองๆ เช่นกันทำให้ระยะทางรวมของเดือนหดหายไปไม่น้อยเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี
มาถึงเดือนธันวาคมก็เริ่มต้นเดือนด้วยเกาต์กำเริบเช่นเคย พอจะกลับมาวิ่งเจ้าเซนเซอร์ตัวแรกก็เริ่มส่งสัญญาณอ่อนแรก (แบตเตอรี่จะหมดแล้ว) ทีแรกก็ยังไม่อยากเชื่อ ตั้งใจว่าจะวิ่งจะหมดเดือนค่อยเปลี่ยนเอาตัวใหม่ที่ใช้อยู่ระยะหนึ่งมาแทน กลายเป็นว่าสองวันให้หลัง เซนเซอร์ตัวแรกก็หลับสนิท ทำให้ต้องรีบถอดรองเท้าเพื่อเปลี่ยนเอาเซนเซอร์ชุดใหม่มาใช้ทันที
ประจวบกันนึกสนุกที่ห่างเหินการแข่งขันไปเสียนาน จึงเลือกเข้าร่วมการแข่งขันประเภทส่งท้ายปีเก่า บวกกับต้องการเผาผลาญพลังงานในแต่ละวันให้มากขึ้นจึงเพิ่มการวิ่งในช่วงเย็นอีก ทำให้ทำระยะทางสะสมได้มากขึ้น และบอกได้เลยว่าติดใจการวิ่งตอนเย็นไม่น้อยเลยเหมือนกัน
พอจบปี ในระบบของไนกี้พลัสมีการสรุปข้อมูลให้ด้วย แม้วันที่วิ่งได้ไกลที่สุดควรจะเป็นสิ้นเดือนสิงหาคมในวันที่ร่วมวิ่งสิบกิโลเมตรเพื่อมนุษยชาติ แต่หน้าสรุปนี้กลับรายงานเป็นวันต้นเดือนเสียอย่างนั้น
ดูแล้วสนุกไปอีกแบบ เหมาะสำหรับคนที่ชอบดูสถิติอย่างเรา…